วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

เนื้อหา “การพัฒนาวิชาชีพครู:สาระสำคัญที่ควรทราบ”

การพัฒนาวิชาชีพครู :  สาระสำคัญที่ควรทราบ
ครู หมายความว่า บุคคลวิชาชีพที่ทำหน้าที่หลักทางด้านการเรียนการสอน และ การส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนด้วยวิธีการต่าง ๆ ในสถานศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน (พ.ร.บ. การศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  : มาตรา 4)


พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ. 2542  ที่มีผลกระทบต่อครู

1. ครูในอนาคต  ต้องเป็นตัวอย่างของผู้ที่ได้รับการศึกษา (มาตรา 6 , มาตรา 7)
2. ครูในอนาคต  ต้องเรียนรู้ตลอดชีวิตและพัฒนากระบวนการเรียนรู้อย่าง-ต่อเนื่อง   (มาตรา 8 , มาตรา 25 , มาตรา 30)
3. ครูในอนาคต  ต้องปฏิบัติงานตามาตรฐานวิชาชีพครู  (มาตรา 9(4))
4. ครูในอนาคต  ต้องจัดการศึกษาพื้นฐานได้  (มาตรา 10)
5. ครูในอนาคต  ต้องมีความสามารถในการสอนผู้เรียนหลายประเภท (มาตรา 10)
6. ครูในอนาคต  ต้องปฏิบัติงานได้ใน 3 ระบบการศึกษา  (มาตรา 15)
7. ครูในอนาคต  จะต้องปฏิบัติงานได้ในสถานศึกษาต่าง ๆ  ( มาตรา 18)
8. ครูในอนาคต  ส่วนหนึ่งต้องจัดการอาชีวศึกษา    โดยให้ความร่วมมือ กับสถานประกอบการ   (มาตรา 20)
9. ครูในอนาคต  ต้องจัดการศึกษาโดยถือผู้เรียนมีความสำคัญที่สุด (มาตรา 22)
10. ครูในอนาคต  จะต้องจัดให้มีการเรียนรู้และทักษะต่าง ๆ   (มาตรา 22)
11. ครูในอนาคต  จะต้องจัดการเรียนรู้จากประสบการณ์จริง  (มาตรา 24)
12. ครูในอนาคต  ต้องสามารถประเมินผู้เรียน  (มาตรา 26)
13. ครูในอนาคต  ต้องสามารถจัดทำสาระของหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (มาตรา 27)
14. ครูในอนาคต  จะต้องช่วยให้ชุมชนได้มีการเรียนรู้  (มาตรา 29)
15. ครูในอนาคต  ต้องมีคุณภาพและมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (มาตรา 52 , มาตรา 53)
16. ครูในอนาคต  จะได้รับเงินเดือนค่าตอบแทนที่เหมาะสม  (มาตรา 55)
17. ครูในอนาคต  จะได้รับการพัฒนาและการเชิดชูเกียรติ (มาตรา 52 , มาตรา 55)

แนวความคิดการพัฒนาวิชาชีพครู
  1. คุณภาพของผลผลิตและประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต เป็นเครื่องชี้  ความสำเร็จของวิชาชีพ
  2. การพัฒนาประสิทธิภาพของกระบวนการผลิต โดยการพัฒนางานในภาวะปกติอย่างต่อเนื่องและสม่ำเสมอ     จะส่งผลต่อคุณภาพของผลผลิตได้ตามเป้าหมาย
  3. การพัฒนางานที่เป็นการพัฒนาวิชาชีพอย่างต่อเนื่อง ผู้ปฏิบัติงานจำเป็นต้องเรียนรู้ หลักการ วิธีการ และองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในงานอาชีพ และนำมาใช้ในงานเพื่อค้นหาความรู้ สร้างความรู้ใหม่ในวิชาชีพของตนเองอย่างต่อเนื่อง
  4. ครูที่สามารถพัฒนาคุณภาพผู้เรียนให้สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และ เป็นไปตามมาตรฐาน ควรได้รับผลตอบแทนสอดคล้องกับระดับมาตรฐานคุณภาพงานที่ปฏิบัติ
  5. การพัฒนาวิชาชีพครู เป็นการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของครูทุก ๆ คน  เพื่อสร้างผลผลิตให้มีคุณภาพสูงขึ้นอยู่เสมอ
เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครู พ.ศ. 2537 (คุรุสภา)

มาตรฐานที่  1    ปฏิบัติกิจกรรมทางวิชาการเกี่ยวกับการพัฒนาวิชาชีพครูอยู่เสมอ
มาตรฐานที่  2     ตัดสินใจปฏิบัติกิจกรรมต่าง ๆ  โดยคำนึงถึงผลที่จะเกิดกับผู้เรียน
มาตรฐานที่  3     มุ่งมั่นพัฒนาผู้เรียนให้เต็มตามศักยภาพ
มาตรฐานที่  4     พัฒนาแผนการสอนให้สามารถปฏิบัติได้เกิดผลจริง
มาตรฐานที่  5     พัฒนาสื่อการเรียนการสอนให้มีประสิทธิภาพอยู่เสมอ
มาตรฐานที่  6     จัดกิจกรรมการเรียนการสอน โดยเน้นผลถาวรที่เกิดแก่ผู้เรียน
มาตรฐานที่  7     รายงานผลการพัฒนาคุณภาพของผู้เรียนได้อย่างมีระบบ
มาตรฐานที่  8     ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน
มาตรฐานที่  9     ร่วมมือกับผู้อื่นในสถานศึกษาอย่างสร้างสรรค์
มาตรฐานที่  10   ร่วมมือกับผู้อื่นอย่างสร้างสรรค์ในชุมชน
มาตรฐานที่  11   แสวงหาและใช้ข้อมูลข่าวสารในการพัฒนา
มาตรฐานที่  12   สร้างโอกาสให้ผู้เรียนได้เรียนรู้ในทุกสถานการณ์   (ออกใหม่)


แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539 (คุรุสภา)

จรรยาบรรณข้อที่  1    ครูต้องรักและเมตตาศิษย์โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือ ส่งเสริม ให้กำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษย์ โดยเสมอหน้า
จรรยาบรรณข้อที่  2     ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะ และนิสัยที่ถูกต้อง ดีงาม ให้แก่ศิษย์อย่างเต็มความ-สามารถ ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
จรรยาบรรณข้อที่  3     ครูต้องประพฤติปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจา และใจ
จรรยาบรรณข้อที่  4     ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกายสติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์
จรรยาบรรณข้อที่  5     ครูต้องไม่แสวงหาผลประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าที่ ตามปกติ และไม่ให้ศิษย์กระทำ-การใด ๆ อันเป็นการหาประโยชน์ให้แก่ตนโดยมิชอบ
จรรยาบรรณข้อที่  6     ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งในด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิทยาการ เศรษฐกิจ
สังคมและการเมืองอยู่เสมอ
จรรยาบรรณข้อที่  7     ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และเป็นสมาชิกขององค์กรวิชาชีพครู
จรรยาบรรณข้อที่  8     ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์
จรรยาบรรณข้อที่  9     ครูพึงประพฤติปฏิบัติตนเป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย

มาตรฐานวิทยฐานะครู (สปศ.)

  1. ครูปฏิบัติการ ต้องจัดการเรียนการสอนโดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญด้วยวิธีที่หลากหลาย แต่ยังต้องอาศัยคำแนะนำเพื่อให้เกิดความมั่นใจในการปฏิบัติ
  2. ครูชำนาญการ ต้องมีการศึกษาวิจัยพัฒนาหลักสูตรโดยวิทยาการใหม่ ๆ วิเคราะห์ผู้เรียนอย่างเป็นระบบ พัฒนาตนองค์กร และ ทำงานเป็นทีม
  3. ครูเชี่ยวชาญ ต้องคิดนวัตกรรมใหม่ ๆ  มาพัฒนา พร้อมทั้งสามารถเผยแพร่ความรู้ ให้คำปรึกษาแก่เพื่อนครูได้ พัฒนานักเรียนให้เกิดผลโดยตรงต่อครอบครัว ทำงานเป็นทีมอย่างต่อเนื่อง 
  4. ครูเชี่ยวชาญพิเศษ เป็นผู้นำและสร้างผู้นำในการคิดนวัตกรรมมาพัฒนาหลักสูตร   กระบวนการเรียนการสอน สร้างองค์ความรู้ใหม่ที่นำไปใช้อ้างอิงได้ เป็นผู้นำในการแก้ปัญหา และวางระบบป้องกันปัญหา
ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู (สปศ.)

1.   คุณสมบัติของผู้ขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู (ครูประจำการ)
1.1      มีวุฒิปริญญาตรีทางการศึกษา หรือ สาขาอื่นที่ ก.ค. รับรอง
1.2      มีประสบการณ์การสอนไม่น้อยกว่า 2 ปี

       หากครูท่านใดมีคุณสมบัติไม่ครบตามข้อ 1.1 , 1.2    ต้องพัฒนาตนเองภายใน5 ปี    (นับจากมีการตั้งสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา)         ให้ได้ปริญญาตรีทางการศึกษา หรือ สาขาอื่นที่ ก.ค. รับรอง  หรือ ผ่านการประเมินประสบการณ์ หรือ ผลงานเทียบเคียงปริญญาตรี

2.    แนวทางการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู ครู ประจำการที่ปฏิบัติงานสอนก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้   และ มีความประสงค์จะขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู    ให้ยื่นเรื่องพร้อมหลักฐานเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู   ดังนี้
2.1    เอกสารแสดงวุฒิการศึกษา
2.2    หลักฐานที่สถานศึกษารับรองประสบการณ์การสอนของครู
2.3    ใบอนุญาตปฏิบัติการสอน (ในกรณีที่ต้องมี)
2.4    วุฒิบัตรการฝึกอบรมที่สภาครูและบุคลากรทางการศึกษารับรอง
2.5    หลักฐานอื่น ๆ กรณีที่ใช้ประกอบการขอเทียบประสบการณ์และผลงาน (สำหรับผู้ไม่สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี) ทั้งนี้ให้ผู้อำนวยการสถานศึกษา หรือ ผู้บังคับบัญชาที่สังกัด ตรวจสอบคุณสมบัติและหลักฐาน แล้วรวบรวมเสนอต่อสภาครูและบุคลากรทางการศึกษาเพื่อพิจารณาออกใบอนุญาต ประกอบวิชาชีพครูต่อไป

3. แนวทางการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
3.1      เป็นผู้ที่ปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพที่สภาครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนด
3.2      เป็นผู้ที่ไม่ได้รับการพัฒนาหรือผลการพัฒนาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สภาครูและบุคลากรทางการศึกษากำหนด
3.3      เป็นผู้ที่ประพฤติตนไม่เป็นไปตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ
3.4      เป็นผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดมาตรฐาน หรือ จรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างร้ายแรงและอยู่ระหว่างการสอบสวน แต่ยังไม่มีข้อยุติ

4. แนวทางการเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
4.1      เป็นผู้ขาดคุณสมบัติในการขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
4.2      เป็นเป็นผู้ที่ปฏิบัติงานไม่เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพที่กำหนดอย่างต่อเนื่อง
4.3      เป็นผู้ที่ไม่เข้ารับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง หรือ ผลการพัฒนาไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา กำหนด และ ส่งผลเสียหายต่อการประกอบวิชาชีพครูอย่างร้ายแรง
4.4      เป็นผู้ที่ประพฤติตนผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพอย่างร้ายแรงจนมิอาจให้ปฏิบัติวิชาชีพอีกต่อไป


องค์ประกอบของวิชาชีพชั้นสูง
  1. เป็นงานที่ใช้ความชำนาญ ความเชี่ยวชาญเฉพาะสาขา และเป็นงานที่ใช้สติปัญญา
  2. มีจรรยาบรรณวิชาชีพเป็นแบบแผนการปฏิบัติงาน
  3. มีองค์กรรับผิดชอบกำกับดูแลการปฏิบัติงานตามมาตรฐานและจรรยาบรรณ
  4. มีสถานภาพในสังคมสูง ได้รับการยกย่องนับถือ
เงื่อนไขของวิชาชีพ “ครู”
  1. ได้รับการศึกษาอบรมเป็นพิเศษ
  2. มีจรรยาบรรณครู
  3. มีมาตรฐานวิชาชีพครู
  4. มีมาตรฐานวิทยาฐาน
  5. มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
  6. มีองค์กรวิชาชีพกำกับ
  7. มีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง
สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา (สปศ.)

สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา  เป็นองค์กรอิสระภายใต้การบริหารของสภาวิชาชีพ อยู่ในกำกับของกระทรวงการศึกษา ศาสนา และวัฒนธรรม ทำหน้าที่ควบคุมการประกอบวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษาให้ เป็นไปตามมาตรฐานและจรรยาบรรณของวิชาชีพ   ออกใบพักใช้และเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ  รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพ คณะกรรมการสภาครุและบุคลากรทางการศึกษา ประกอบด้วย กรรมการผู้แทนองค์กร  8  คน     กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ  7  คน    และ    กรรมการที่มาจากผู้ประกอบวิชาชีพ  12  คน   รวมคณะกรรมการทั้งสิ้น  27  คน


หลักประกันคุณภาพครู
  1. สถาบันผลิตครู ทำหน้าที่ผลิตครูใหม่ที่มีคุณภาพ และมีความรักในวิชาชีพ
  2. สถาบันพัฒนาและส่งเสริมครู คณาจารย์ ทำหน้าที่พัฒนาและส่งเสริมครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นครูประจำการ
  3. องค์กรบริหารงานบุคคล ทำหน้าที่บริหารงานบุคคลในเขตพื้นที่  และสถานศึกษา
  4. องค์กรวิชาชีพครูและบุคลากรทางการศึกษา ทำหน้าที่รักษามาตรฐาน-วิชาชีพและจรรยาบรรณครู

บทบาทของครูในการปฏิรูปการสอนและการเรียนรู้
  1. ศึกษามาตรฐานการศึกษาและหลักสูตร
  2. ศึกษากระบวนการเรียนรู้ที่เน้นผู้เรียนเป็นสำคัญ
  3. เขียนแผนการสอน
  4. ทำวิจัยในชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการสอน
  5. บันทึกและเก็บหลักฐานเกี่ยวกับการสอนไว้ในแฟ้มสะสมงานครู

การปฏิรูปการสอนของครู
  1. ศึกษามาตรฐานการศึกษาและหลักสูตร
  2. กำหนดเป้าหมาย  วางแผนการสอน
  3. นำกระบวนการวิจัยในชั้นเรียนมาใช้
  4. ออกแบบกิจกรรมการเรียนรู้
  5. เตรียมวัสดุ อุปกรณ์ และสื่อการเรียน
  6. ดำเนินการสอน  ดูแลกระบวนการเรียนรู้  กระตุ้นให้ปฏิบัติ  ให้คำแนะนำ
  7. เสริมความรู้ให้ผู้เรียนและส่งเสริมการนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน
  8. ประเมินผลการสอน
  9. วิเคราะห์เพื่อปรับปรุงการเรียนการสอน
  10. บันทึกสรุปผลการสอน

ครูในอนาคต
  1. ต้องสอน
  2. ต้องมีแผนการสอน
  3. ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพครู
  4. ต้องมีผลงานในวิชาชีพพร้อมรับการประเมินคุณภาพ
ครูยุคปฏิรูปการศึกษา
  1. มีความรู้เนื้อหาสาระที่เหมาะสม ทันสมัย
  2. มีทักษะการถ่ายทอดความรู้
  3. มีทักษะมนุษย์
  4. มีวิญญาณครู   รักความเป็นครู
  5. มีเมตตาต่อศิษย์
  6. มีความสนใจสื่อและเทคโนโลยี
  7. มีความสนใจพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง

การเตรียมตัวของครูในอนาคต
  1. ปฏิบัติตนตามเกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพครูและจรรยาบรรณครู (ต้องประเมินตนเองอยู่เสมอและประเมินอย่างเข้มงวด)
  2. การพัฒนาการเรียนการสอน (ต้องทำแผนการสอน)
  3. การเก็บรวบรวมหลักฐานการปฏิบัติงานให้เป็นระบบ(ต้องจัดทำแฟ้มสะสมงานครู)
การประเมินตนเองของครู
  1. ประเมินตามมาตรฐานวิชาชีพครู ( 12 มาตรฐาน)
  2. ประเมินตามจรรยาบรรณครู ( 9 ข้อ)
  3. ประเมินตามมาตรฐานวิทยฐานะครู ( 4 ระดับคุณภาพ)
บทบาทของครูในการประกันคุณภาพการศึกษา
  1. ปฏิรูปการสอน
  2. ปฏิรูปการเรียนรู้
  3. ปฏิรูปการบริหารงาน
  4. ประเมินตนเอง
  5. ประกันคุณภาพภายใน
  6. ประกันคุณภาพภายนอก
http://educ105.wordpress.com

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2557

มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา



         พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2556  มาตรา 8 ให้คุรุสภามีวัตถุประสงค์ ดังนี้

               1. กำหนดมาตรฐานวิชาชีพ ออกและเพิกถอนใบอนุญาต กำกับดูแลการปฏิบัติตามมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ รวมทั้งการพัฒนาวิชาชีพ
             
               2. กำหนดนโยบายและแผนพัฒนาวิชาชีพ  มาตรา ๙ ให้คุรุสภามีอำนาจหน้าที่ ดังนี้

                      2.1 กำหนดมาตรฐานวิชาชีพและจรรยาบรรณของวิชาชีพ
                      2.2 ออกข้อบังคับของคุรุสภาว่าด้วย
                             จรรยาบรรณของวิชาชีพ และการประพฤติผิดจรรยาบรรณอันจะนำมาซึ่งความเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์แห่ง วิชาชีพ
                              มาตรฐานวิชาชีพ

             ปัจจุบัน คุรุสภาได้มีการกำหนดมาตรฐานวิชาชีพของผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา จำนวน ๔ กลุ่มวิชาชีพ คือ ผู้ประกอบวิชาชีพครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก์ และขณะนี้อยู่ในระหว่างการดำเนินงานพัฒนามาตรฐานวิชาชีพ



มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา

           คือ ข้อกำหนดเกี่ยวกับคุณลักษณะ และคุณภาพที่พึงประสงค์ในการประกอบวิชาชีพทางการศึกษา ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องประพฤติปฏิบัติตาม เพื่อให้เกิดคุณภาพในการประกอบวิชาชีพ  สามารถสร้างความเชื่อมั่นศรัทธาให้แก่ผู้รับบริการจากวิชาชีพได้ว่าเป็นบริการที่มีคุณภาพตอบสังคมได้ว่าการที่กฎหมายให้ความสำคัญกับวิชาชีพทางการศึกษาและกำหนดให้เป็นวิชาชีพควบคุมนั้น เนื่องจากเป็นวิชาชีพที่มีลักษณะเฉพาะ ต้องใช้ความรู้ ทักษะ และความเชี่ยวชาญในการประกอบวิชาชีพ   

     พระราชบัญญัติสภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2556 มาตรา 49 กำหนดให้มีมาตรฐานวิชาชีพ 3 ด้าน ประกอบด้วย

1. มาตรฐานความรู้และประสบการณ์วิชาชีพ
หมายถึง ข้อกำหนดสำหรับผู้ที่จะเข้ามาประกอบวิชาชีพ จะต้องมีความรู้และประสบการณ์วิชาชีพเพียงพอที่จะประกอบวิชาชีพ จึงจะสามารถขอรับใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเพื่อใช้เป็นหลักฐานแสดงว่าเป็นบุคคล ที่มีความรู้  ความสามารถ  และมีประสบการณ์พร้อมที่จะประกอบวิชาชีพทางการศึกษาได้

2. มาตรฐานการปฏิบัติงาน
หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในวิชาชีพให้เกิดผลเป็นไปตามเป้าหมายที่ กำหนด พร้อมกับมีการพัฒนาตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความชำนาญในการประกอบวิชาชีพ ทั้งความชำนาญเฉพาะด้านและความชำนาญตามระดับคุณภาพของมาตรฐานการปฏิบัติงาน หรืออย่างน้อยจะต้องมีการพัฒนาตามเกณฑ์ที่กำหนดว่ามีความรู้ ความสามารถ และความชำนาญ เพียงพอที่จะดำรงสถานภาพของการเป็นผู้ประกอบวิชาชีพต่อไปได้หรือไม่ นั่นก็คือการกำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพจะต้องต่อใบอนุญาตทุก ๆ 5 ปี

3. มาตรฐานการปฏิบัติตน
หมายถึง ข้อกำหนดเกี่ยวกับการประพฤติตนของผู้ประกอบวิชาชีพ โดยมีจรรยาบรรณของวิชาชีพและแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพเป็นแนว ทางในการประพฤติปฏิบัติ เพื่อดำรงไว้ซึ่งชื่อเสียง ฐานะ เกียรติและศักดิ์ศรีแห่งวิชาชีพ ซึ่งแบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพกำหนดเป็นข้อบังคับคุรุสภา หากผู้ประกอบวิชาชีพผู้ใดประพฤติผิดจรรยาบรรณของวิชาชีพ ทำให้เกิดความเสียหายแก่บุคคลอื่น จนได้รับร้องเรียนถึงคุรุสภาแล้ว ผู้นั้นอาจถูกคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพวินิจฉัยชี้ขาดอย่างใดอย่างหนึ่งดัง ต่อไปนี้
     (1) ยกข้อกล่าวหา
     (2) ตักเตือน 
     (3) ภาคทัณฑ์
     (4) พักใช้ใบอนุญาตมีกำหนดเวลาตามที่เห็นสมควร แต่ไม่เกิน 5 ปี
     (5) เพิกถอนใบอนุญาต (มาตรา 54)


- แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณของวิชาชีพ 

           หมายถึง ประมวลพฤติกรรมที่เป็นตัวอย่างของการประพฤติที่กำหนดขึ้นตามจรรยาบรรณของ วิชาชีพ ซึ่งผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษา คือ ครู ผู้บริหารสถานศึกษา ผู้บริหารการศึกษา และศึกษานิเทศก์ ต้องหรือพึงประพฤติปฏิบัติตามประกอบด้วย พฤติกรรมที่พึงประสงค์ ที่กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องหรือพึงประพฤติตาม และพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ ที่กำหนดให้ผู้ประกอบวิชาชีพทางการศึกษาต้องหรือพึงละเว้น


ที่มา: www.ksp.or.th/ksp2013/content/view.php?mid=136&did=253: มาตรฐานการประกอบวิชาชีพ:คุรุสภา

วันพฤหัสบดีที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2557

Teaching Profession

วิชาชีพครู

โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ชาญชัย  ยมดิษฐ์

            อาชีพครู-อาจารย์ หมายถึง ผู้ปฏิบัติหน้าที่ให้การศึกษา การฝึกอบรม แก่เด็ก เยาวชน ผู้ใหญ่ระดับต่างๆทั้งในระบบและนอกระบบ

            จรรยาบรรณวิชาชีพครู คือ กฎแห่งความประพฤติสำหรับสมาชิกวิชาชีพครู ซึ่งองค์กรวิชาชีพครูเป็นผู้กำหนด และสมาชิกในวิชาชีพทุกคนต้องถือปฏิบัติโดยเคร่งครัด หากมีการละเมิดจะมีการลงโทษ

            จรรยาบรรณวิชาชีพครู มีความสำคัญต่อวิชาชีพครูเช่นเดียวกับที่จรรยาบรรณวิชาชีพ มีความสำคัญต่อวิชาชีพอื่น ๆ ซึ่งสรุปได้ ๓ ประการ คือ

                    ๑. ปกป้องการปฏิบัติงานของสมาชิกในวิชาชีพ 
                    ๒. รักษามาตรฐานวิชาชีพ 
                    ๓. พัฒนาวิชาชีพ 

             ลักษณะของจรรยาบรรณวิชาชีพครู   จรรยาบรรณวิชาชีพครู จะต้องมีลักษณะ ๔ ประการ คือ

๑. เป็นคำมั่นสัญญาหรือพันธะผูกพันต่อผู้เรียน (Commitment to the student) 
๒. เป็นคำมั่นสัญญาหรือพันธะผูกพันต่อสังคม (Commitment to the society) 
๓. เป็นคำมั่นสัญญาหรือพันธะผูกพันต่อวิชาชีพ (Commitment to the profession) 
๔. เป็นคำมั่นสัญญาหรือพันธะผูกพันต่อสถานปฏิบัติงาน (Commitment to the employment practice) 

ที่มา: จรรยาบรรณวิชาชีพครู : ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พฤทธิ์ ศิริบรรณพิทักษ์





               แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539

ครูต้องรักและเมตตาศิษย์ โดยให้ความเอาใจใส่ช่วยเหลือ ส่งเสริมให้กำลังใจในการศึกษาเล่าเรียนแก่ศิษย์โดยเสมอหน้า 
ครูต้องอบรม สั่งสอน ฝึกฝน สร้างเสริมความรู้ ทักษะและนิสัยที่ถูกต้องดีงามให้แก่ศิษย์ อย่างเต็มความสามารถด้วยความบริสุทธิ์ใจ 
ครูต้องประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ทั้งทางกาย วาจา และจิตใจ 
ครูต้องไม่กระทำตนเป็นปฏิปักษ์ต่อความเจริญทางกาย สติปัญญา จิตใจ อารมณ์ และสังคมของศิษย์ 
ครูต้องไม่แสดดงหาประโยชน์อันเป็นอามิสสินจ้างจากศิษย์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ และไม่ใช้ศิษย์กระทำการใดๆ อันเป็นการหาประโยชน์ให้แก่ตนโดยมิชอบ 
ครูย่อมพัฒนาตนเองทั้งในด้านวิชาชีพ ด้านบุคลิกภาพและวิสัยทัศน์ ให้ทันต่อการพัฒนาทางวิชาการ เศรษฐกิจ สังคมและการเมืองอยู่เสมอ 
ครูย่อมรักและศรัทธาในวิชาชีพครู และเป็นสมาชิกที่ดีขององค์กรวิชาชีพครู 
ครูพึงช่วยเหลือเกื้อกูลครูและชุมชนในทางสร้างสรรค์ 
ครูพึงประพฤติ ปฏิบัติตน เป็นผู้นำในการอนุรักษ์และพัฒนาภูมิปัญญาและวัฒนธรรมไทย 

ที่มา: สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา, แบบแผนพฤติกรรมตามจรรยาบรรณครู พ.ศ. 2539. กรุงเทพมหานคร : โรงพิมพ์คุรุสภาลาดพร้าว, 2541





ที่มา: คุณลักษณะที่ดีของครู : puntipa008.blogspot.com



           วินัยคุณธรรมจริยธรรม 






              จริยธรรมเป้าหมายทั้งหมดมี 20 ประการ คือ

                       1. ครูต้องมีความขยันหมั่นเพียร

                  2. ครูต้องมีวินัยตนเอง
                  3. ครูต้องรู้จักปรับปรุงตนเอง
                  4. ครูต้องให้ความช่วยเหลือผู้อื่น
                  5. ครูต้องบำเพ็ญประโยชน์เพื่อชุมชน
                  6. ครูต้องเสียสละเพื่อสาธารณะประโยชน์
                  7. ครูต้องรู้จักเห็นอกเห็นใจผู้อื่น
                  8. ครูต้องมีความกตัญญูกตเวที
                  9. ครูต้องไม่ประมาท
                  10. ครูต้องปฏิบัติต่อผู้อาวุโสในทางที่ดี
                  11. ครูต้องมีสัจจะและแสดงความจริงใจ
                  12. ครูต้องมีความเมตตากรุณา
                  13. ครูต้องมีความอดทน อดกลั้น
                  14. ครูต้องมีความซื่อสัตย์
                  15. ครูต้องมีระเบียบวินัยและตรงต่อเวลา
                  16. ครูต้องมีการให้อภัย
                  17. ครูต้องประหยัดและอดออม
                  18. ครูต้องเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
                  19. ครูต้องมีความรับผิดชอบ
                  20. ครูต้องจงรักภักดีต่อชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์


ที่มา: วินัยคุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู : http://davika05.blogspot.com





               วินัยและการรักษาวินัย
                




                  1. ครูต้องรักษาวินัยที่บัญญัติเป็นข้อห้ามและข้อปฏิบัติไว้ในหมวดนี้โดยเคร่งครัดอยู่เสมอ
                  2. ครูต้องสนับสนุนการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยด้วยความบริสุทธ์ใจและมีหน้าที่วางรากฐานให้เกิดระบอบการปกครองเช่นว่านั้น
                  3. ครูต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต เสมอภาคและเที่ยงธรรม มีความวิริยะ อุตสาหะ ขยันหมั่นเพียร ดูแลเอาใจใส่รักษาประโยชน์ของทางราชการและต้องปฏิบัติตนตามมาตรฐานและจรรยาบรรณวิชาชีพอย่างเคร่งครัด
                  4. ครูต้องปฏิบัติหน้าที่ราชการให้เป็นไปตามกฎหมาย ระเบียบแบบแผนของทางราชการ และหน่วยงานการศึกษา มติคณะรัฐมนตรี หรือนโยบายของรัฐบาลโดยถืประโยชน์สูงสุดของผู้เรียนและไม่ให้เกิดความเสียหายแก่ทางราชการ
                  5. ครูต้องปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชาซึ่งสั่งในหน้าที่ราชการโดยชอบด้วยกฎหมายและระเบียบของทางราชการโดยไม่ขัดขืนหรือหลีกเลี่ยง
                  6. ครูต้องตรงต่อเวลา อุทิศเวลาของตนให้แก่ทางราชการและผู้เรียนจะละทิ้งหรือทอดทิ้งหน้าที่ราชการโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรมิได้ การละทิ้งหน้าที่ราชการติดต่อในคราวเดียวกันเป็นเวลาเกินกว่าสิบห้าวันโดยไม่มีเหตุผลอันสมควรหรือโดยมีพฤติการณ์อันแสดงถึงความจงใจไม่ปฏิบัติตามระเบียบของทางราชการเป็นความผิดวินัยร้ายแรง
                  7. ครูต้องประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียน ชุมชน สังคม มีความสุภาพเรียบร้อย รักษาความสามัคคี ช่วยเหลือเกื้อกูลต่อผู้เรียนและระหว่างข้าราชการด้วยกันหรือผู้ร่วมปฏิบัติราชการ ต้อนรับ ให้ความสะดวก ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้เรียนและประชาชนผู้มาติดต่อราชการ
                  8. ครูต้องไม่กลั่นแกล้ง กล่าวหาหรือร้องเรียนผู้อื่นโดยปราศจากความเป็นจริง
                  9. ครูต้องไม่กระทำการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาประโยชน์อันอาจทำให้เสื่อมเสียความเที่ยงธรรม หรือเสื่อมเสียเกียรติศักดิ์ในตำแหน่งหน้าที่รชการของตน
                  10. ครูต้องไม่คัดลอกหรือลอกเลียนผลงานทางวิชาการของผู้อื่นโดยมิชอบหรือนำเอาผลงานทางวิชาการของผู้อื่นหรือจ้างวานให้ผู้อื่นทำผลงานทางวิชาการเพื่อไปใช้ในการเสนอขอปรับปรุงการกำหนดตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่ง การเลื่อนวิทยฐานะหรือการให้ได้รับเงินเดือนในระดับที่สูงขี้น การฝ่าฝืนหลักการดังกล่าวนี้เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรง
                  11. ครูต้องไม่เป็นกรรมการผู้จัดการหรือผู้จัดการหรือดำรงตำแหน่งอื่นใดที่มีลักษณะงานคล้ายคลึงกันนั้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท
                  12. ครูต้องวางตนเป็นกลางทางการเมืองในการปฏิบัติหน้าที่และในการปฏิบัติการอื่นที่เกี่ยวข้องกับประชาชนโดยต้องไม่อาศัยอำนาจและหน้าที่ราชการของตนแสดงการฝักใฝ่ ส่งเสริม เกื้อกูล สนับสนุนบุคคล กลุ่มบุคคล หรือพรรคการเมืองใด
                  13. ครูต้องรักษาชื่อเสียงของตนและรักษาเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสียโดยไม่กระทำการใดๆ อันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว


ที่มา: วินัยคุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู : http://davika05.blogspot.com 



             สมรรถนะของครู





1. สมรรถนะหลัก ประกอบด้วย
             
1.1 การมุ่งผลสัมฤทธิ์ ได้แก่ ความมุ่งมั่นในการปฏิบัติงานในหน้าที่ได้มีคุณภาพถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์และมีการพัฒนาผลงานให้มีคุณภาพอย่างต่อเนื่อง

              1.2 การให้บริการที่ดี ได้แก่ ความตั้งใจในการปรับปรุงระบบบริการให้มีประสิทธิภาพ เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้รับบริการ
              1.3 การพัฒนาตนเอง ได้แก่ การศึกษาค้นคว้าหาความรู้ ติดตามองค์ความรู้และเทคโนโลยีใหม่ๆ ในวงวิชาการและวิชาชีพเพื่อพัฒนาตนเองและพัฒนางาน
               1.4 การทำงานเป็นทีม ได้แก่ การให้ความร่วมมือ ช่วยเหลือสนับสนุน เสริมแรงให้กำลังใจแก่เพื่อนร่วมงาน การปรับตัวเข้ากับบุคคลอื่นหรือแสดงบทบาทผู้นำ ผู้ตาม ได้อย่างเหมาะสม

2.สมรรถนะประจำสายงาน

                2.1 การออกแบบการเรียนรู้ ได้แก่ ความรู้ ความเข้าใจ และความสามารถในการออกแบบการเรียนรู้และนำไปใช้ในการจัดการเรียนรู้เพื่อพัฒนาผู้เรียนอย่างได้ผล
                2.2 การพัฒนาผู้เรียน ได้แก่ การปลูกฝังคุณธรรม จริยธรรม คุณลักษณะอันพึงประสงค์และสุขภาพกาย จิตที่ดีให้ผู้เรียนสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข
                2.3 การบริหารจัดการชั้นเรียน ได้แก่ การจัดบรรยากาศการเรียนการสอน การทำข้อมูลสารสนเทศและเอกสารประจำชั้นเรียน/ประจำวิชาและการกำกับชั้นเรียนให้ผู้เรียนได้เรียนรู้เต็มศักยภาพและสามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างราบรื่น   


ที่มา: วินัยคุณธรรมจริยธรรม และจรรยาบรรณวิชาชีพครู : http://davika05.blogspot.com